บอลโลก 2022ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

“แชมเปี้ยนส์ลีก” เป็นคำที่เรามักใช้เรียก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นโดบสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ Union of European Football Associations (UEFA) ที่จะเอาทีมทีมมีความสามารถของทวีปยุโรปมาแข่งกัน การแข่งขันครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1955

ในชื่อยูโรเปี้ยนคัพ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างทุกวันนี้ในปี ค.ศ. 1992

ดูจากชื่อแล้วอาจจะคิดว่าต้องมีทีมที่เข้าแข่งขันจากในทวีปยุโรปเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วในช่วงเริ่มการแข่งขัน เราจะเห็นทีมจากอิสราเอล อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นหรือได้ยินนั้นก็เพราะว่า จริงๆ แล้วแชมเปี้ยนส์ลีกเริ่มขึ้นปลายเดือนมิถุนายน แต่คนส่วนใหญ่จะเริ่มดูตอนรอบกลุ่ม เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มการแข่งขันอย่างจริงจัง

ทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมดมี 77 ทีม จากสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) แต่เมื่อถึงในขั้นที่คนส่วนใหญ่เริ่มดูกันคือเหลือ 32 ทีมสุดท้ายแล้ว

การเข้ามาแข่งในแชมเปี้ยนส์ลีก จะมาจากการแข่งขันภายในประเทศของแต่ละทีม และการจัดอันดับคะแนนในแต่ละลีกของยูฟ่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทีมอยู่ใน 3 อันดับแรกของประเทศ อังกฤษ สเปน หรือ เยอรมัน ทีมเหล่านี้จะได้เข้ามาแข่งในแชมเปี้ยนส์ลีกในรอบกลุ่มได้เลย แต่ถ้าเป็นประเทศอย่างเวลส์ ทีมอันดับต้นๆ ก็จะได้เข้ามาแข่งในรอบคัดเลือกรอบแรก โดยในตอนแรกจะมี 6 ทีมในรอบคัดเลือกรอบแรก เล่นกันแบบแข่งกันครบทุกทีม คู่ละ 2 นัด เยือนและเหย้า (Two-legged ties) ผู้ชนะจะเข้าไปในการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบ 2 ที่จะมีทีมที่เข้ามาใหม่ 31 ทีม และแข่งกันเหมือนเดิม และผู้ชนะก็จะไปแข่งรอบคัดเลือกครั้งที่ 3 ซึ่งในรอบนี้ไม่เพียงแค่จะมีทีมที่เข้ามาแข่งเพิ่มเท่านั้นเพราะในรอบนี้จะมีทีมที่อยู่ในอันดับที่สูงขึ้นเข้ามา ส่วนผู้ชนะในรอบนี้ก็จะเข้ารอบเพลย์ออฟไป

ทีนี้ทุกอย่างจะเริ่มสนุกขึ้น เพราะว่ายูฟ่าต้องการที่จะหาทีมที่เป็นที่สุดจริงๆ ดังนั้น พวกทีมใหญ่ๆ อย่าง อาร์เซนอล นาโปลี ฯลฯ จะไม่ถูกจับให้ไปแข่งกับทีมที่เล็กกว่ามากๆ

หลังจากเกือบ 3 เดือนตั้งแต่การแข่งขันรอบคัดเลือกรอบแรก การแข่งขันก็เริ่มที่จะจริงจังขึ้น การแข่งขันรอบกลุ่มจะอยู่ในช่วงเดือน กันยายน ถึง ธันวาคม ตามมาด้วยรอบ 16 ทีมสุดท้าย 8 ทีมสุดท้าย และ 4 ทีมสุดท้าย ซึ่ง 3 รอบนี้จะมีการแข่งแบบ Two-legged tie เยือนและเหย้า ซึ่งผู้ชนะก็จะเข้ารอบที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ

การแข่งขันรอบกลุ่ม

นอกจากการแข่งไฟนอลแล้ว รอบกลุ่มก็เป็นส่วนเดียวของแชมเปี้ยนส์ลีกที่ไม่ได้แข่งแบบ Two-leg คือ 32 ทีมในรอบกลุ่มจะถูกแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มย่อย กลุ่มนึงประกอบไปด้วย 4 ทีม ซึ่งการแบ่งกลุ่มไม่ได้แบ่งแบบงงๆ นะ จะใช้การจัดอันดับในการแบ่งกลุ่ม แต่ละทีมจะมีค่าสัมประสิทธิ์ ซึ่งจะคำนวนจากผลงานทั้งในแชมเปี้ยนส์ลีกและยูโรป้าลีกใน 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา และ ความแข็งแกร่งของลีกในประเทศนั้นๆ ทีมอันดับ 1-8 จะไปอยู่ใน Pot 1 ทีมอันดับ 9-16 Pot 2 ทีมอันดับ 17-24 Pot 3 และ ทีมอันดับ 25-32 Pot 4 และ จะเลือก 1 ทีมจากแต่ละ Pot มาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และ ทีมที่มาจากประเทศเดียวกันก็อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน

ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็ยังมีข้อบกพร่อง เช่น โรมา (ทีมที่อยู่ในอันดับ 2 ของอิตาลี) ได้ไปอยู่ใน Pot 4 ขณะที่ ลิเวอร์พูล (ทีมอันดับ 2 ของอังกฤษ) อยู่ใน Pot 3 ซึ่งทำให้ 3 ทีม หรือ บางที 4 ทีมดูมีความได้เปรียบ

แต่จะมีเพียงแค่ 2 จาก 4 ทีมในแต่ละกลุ่มที่จะได้ไปต่อในรอบหน้า แต่ละทีมจะต้องเล่นเหย้าและเยือน รวมทั้งหมด 6 เกมส์ การนับแต้มก็จะเป็นดังนี้: ชนะได้ 3 แต้ม เสมอได้ 1 ส่วนแพ้ก็จะไม่ได้แต้ม ทีมอันดับที่ 1 และ 2 หลังจากการแข่งขันทั้งหมดจะไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนทีมที่อยู่ในอันดับ 3 จะได้ไปเล่นในยูโรป้า ลีก แทนส่วนเหล่าบ๊วยก็ต้องกลับบ้าน

ถ้าหากผลออกมาเสมอในรอบกลุ่ม จะใช้อะไรตัดสิน?

ถ้าหากมีทีมมากกว่า 1 ทีมที่มีคะแนนเท่ากัน เราก็จะดูผลต่างได้เสียของประตู ถ้ายังเสมอกันอีก เราก็จะดูจำนวนประตูที่ทำได้ ถ้ายังจะบังเอิยเท่ากันอีก เราก็จะนับประตูที่ทำได้ตอนออกไปเยือน และถ้ายังจะเสมอกันอีกก็จะคิดจากค่าสัมประสิทธ์ที่ทีมมีการแข่งที่ทีมร่วมตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งใช่แล้ว ทีมจะได้เปรียบในจุดนี้จากความสามารถรวมถึงสมรรถภาพของฟุตบอลในประเทศ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *