บอลโลก 2022

คนที่ใช่ของ เจอร์เก้น คล็อปป

เจอร์เก้น คล้อปป์ เข้าคุม “หงส์แดง” ในฤดูกาล 2015-2016 เขาได้กล่าวไว้ว่า เกมส์รับนั้นเป็นสิ่งสำคัญเป็นเหมือนรากฐานที่มั่นคงในการเล่นฟุตบอล

นัดแรกของเขาในการคุมลิเวอร์พูล ทำได้เพียงเสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส (17 ตุลาคม 2015) เกมส์ถือว่ายังไม่แข็งแรงมาก ที่เสมอมาได้ไปครั้งนี้เพราะกองหน้าของสเปอร์สก็ไม่แข็งแรงเช่นกัน ซึ่งกองหลังในขณะนั้นมี นาธาเนียล ไคลน์ (แบ็คขวา), อัลแบร์โต้ โมเรเน่ (แบ็คซ้าย), มาร์ติน สเคอร์เทล และ มามาดู ซาโก้ (เซ็นเตอร์แบ็ค)

นัดที่สองของคล็อปป ลิเวอร์พูล vs รูบิน คาซาน (22 ตุลาคม 2015) ผลออกมาเป็นเสมออีกแล้ว 1-1 เป็นการเสียประตูครั้งแรกของลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมบังเหียนของเจอร์เก้น คล็อปป ซึ่งเป็นการเสียประตูที่ฝ่ายตรงข้ามยิงตรงๆ ดื้อๆ เข้าไปเลย ไม่มีลูกเล่นอะไรทั้งนั้น

มาถึงนัดที่ 3 วันที่ 25 ตุลาคม 2015 เป็นการแข่งกับ เซาท์แธมป์ตัน และแน่นอนว่าผลออกมาก็ยังเป็นเสมอ และ เกมส์รับของทีมก็ยังไม่เป็นที่พอใจของคล็อปป แต่กองหลังคนหนึ่งของเซาท์แธมป์ตันที่โดดเด่นมาก เรียกได้ว่าเขาคนนี้คนเดียวถล่มหงส์แดงทั้งทีมได้ เขาคนนั้นก็คือ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และแน่นอนว่าเขาได้เป็น Man of the Match เพราะเขามีอัตราการจ่ายบอลมากที่สุด ไม่เพียงเกมส์บุกที่เหนียวแต่เขายังเกือบทำประตูได้อีกด้วย จำสำนักข่าว BBC ของอังกฤษต้องถึงกับคอมเมนต์ว่า “นี่กองหลังจริงหรอ!”

จบฤดูกาล 2015-2016 ไป ลิเวอร์พูลได้ที่ 8 ลิเวอร์พูลทำประตูไปได้ทั้งหมด 63 ประตู และเสียประตูไปถึง 50 ประตู ตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งเป็นการเสียประตูที่มากกว่าทีมอันดับท้ายๆ เสียอีก นั่นเป็นสัญญาณที่ส่งถึงคล็อปปโดยตรงว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างกับกองหลัง เพื่อสร้างความเหนียวให้กับเกมส์รับ

สิ่งที่คล็อปปทำเพื่อเตรียมตัวไปสู้ใหม่ก็คือ เขาซื้อตัวเซ็นเตอร์แบ็คคนใหม่ ได้แก่ รักกนาร์ คลาวาน และ เซ็นฟรีโอเจล มาติป และ เทรด มาร์ติน สเคอร์เทล, โคโล่ ตูเร่ และ มามาดู ซาโก้ ออกไป

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเกมส์รับของหงส์แดงจะดีขึ้น ซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลไปตีคู่แข่งได้หลายทีม เช่น อาร์เซนอล เลสเตอร์ คริสตอลพาเลซ แต่พอต้องมาเจอเซาท์แฮมป์ตัน หงส์ก็ปีกหักไปเลย ทำประตูไม่ได้ ผลออกมาเสมอ 0-0 และ แน่นอนว่าคนที่เฉิดฉายและเป็น Man of the Match ก็ยังเป็น เวอร์จิล ฟาน ไดค์

ในศึกลีกคัพ เซาท์แธมป์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ก็มาเจอกันอีก คราวนี้ หงส์แดงแพ้ 1-0 และ Man of the Match ก็เป็นคนเดิม ฟาน ไดค์! นั่นทำให้คล็อปปรู้เลยว่า ฟานไดค์ คนนี้เหละที่จะมาทำให้หงส์แข็งแรงขึ้น

คล็อปปแสดงออกเลยว่าเขาอยากได้ตัว ฟาน ไดค์ เซาท์แธมป์ตันเลยจับ ฟานไดค์ ต่อสัญญาถึงปี 2022 และเสนอราคาให้ลิเวอร์พูล 60 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นกองหลังที่แพงที่สุด ขณะที่ซาลาห์ในขณะนั้นมีค่าตัวเพียง 36.9 ล้านปอนด์ ซึ่งมันก็ยังมีความเสี่ยงอยู่บ้างที่เจอร์เก้น จะประเมินความสามารถผิด พร้อมทั้งอาการบาดเจ็บของฟานไดค์ ในขณะนั้น ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเสียงกับมูลค่าเงินที่เสียไป

ลิเวอร์พูลเลยหาทางออกโดยการเล่นลับหลัง ไปติดต่อ ฟาน ไดค์ เองเป็นการส่วนตัว แต่แล้วทางเซาท์แธมป์ตันก็จับได้ ส่งเรื่องไปให้พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าพรีเมียร์ลีกตรวจสอบแล้วมีความผิดลิเวอร์พูลจะไม่มีสิทธิเทรดนักกีฬา ทำให้ลิเวอร์พูลรีบออกมาทำการขอโทษพร้อมทั้งประกาศว่าจะทำการยกเลิกความสนใจตัวฟาน ไดค์ไปในซีซั่นนี้ แต่ถึงเป็นอย่างนั้นคล็อปปก็ไม่ตัดสินใจที่จะซื้อใครเพิ่ม ทำให้ตอนนั้นลิเวอร์พูลมีกองหลังเพียงแค่ 3 คน แฟนคลับบางคนถึงกับวิจารณ์ออกมาว่าทำไมไม่ซื้อกองหลังดีๆ สักคนที่ไม่แพงขนาดนั้น ทำไมต้องเป็น ฟานไดค์

จุดเปลี่ยนที่ทำให้คล็อปป์ต้องตัดสินใจคือ แมนฯ ยู และ เชลซี เริ่มหันมาสนใจในตัว ฟาน ไดค์ ทำให้คล็อปป์ตัดสินใจซื้อตัวฟาน ไดค์ทันทีแต่ด้วยความที่ไปเล่นไม่ซื่อไว้ก่อนหน้า ทางเซาท์แธมป์ตันเลยเทรดให้ในมูลค่า 75 ล้านปอนด์ ซึ่งคล็อปป์ตกลง ฟานไดค์จึงย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูลในวันที่ 28 ธันวาคม 2017

ทั้งๆที่ตอนนั้นคล็อปป์จะเอากองหลังเก่งๆ เพียง 20 ล้านปอนด์ก็ได้แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น เขาเลือกที่จะเก็บที่ไว้ให้กับคนที่เขาคิดว่าใช่สำหรับทีม และคนๆ นั้นก็คือ เวอร์จิล ฟาน ไดค์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *